ความพิการมีผลต่อการดำเนินชีวิตของคนพิการทุกคน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประเภทและระดับของความพิการ สำหรับผู้พิการทางการเคลื่อนไหวปัญหาทางด้านร่างกายทำให้มีข้อจำกัดในการดำรงชีวิตมากขึ้น รวมถึงด้านจิตใจที่คนพิการส่วนใหญ่มีอาการท้อแท้และหมดกำลังใจ เนื่องจากไม่สามารถจัดการกับชีวิตของตนเองได้ ซึ่งเกิดจากการขาดประสบการณ์ ขาดความมั่นใจ และขาดการเรียนรู้ปรับตัวในชีวิต รวมถึงขาดผู้ช่วยเหลือทางสุขภาพ ไม่กล้าไปในที่สาธารณะ ไม่กล้าแสดงออกถึงความต้องการการดูแล ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงระบบบริการทางสุขภาพ (1)
ในปัจจุบันพบว่า จำนวนคนพิการทุกประเภทเพิ่มขึ้นทุกปี จากสถิติจำนวนคนพิการในเขตรับผิดชอบของโรงพยาบาลสกลนครและหน่วยบริการคู่สัญญาหลักอำเภอเมืองสกลนครในปีงบประมาณ 2547 ถึง 2549 จำนวนเพิ่มขึ้นต่อปี 987 คน 1,134 คน และ 1,705 คนตามลำดับ โดยเฉพาะสถิติคนพิการทางการเคลื่อนไหว ที่เพิ่มขึ้นต่อปีจาก 329 คน 710 คน และ 901 คน (2)
หน่วยบริการคู่สัญญาหลักอำเภอเมืองสกลนคร และโรงพยาบาลสกลนคร ได้ทำการจัดบริการเพื่อคนพิการด้านการส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันภาวะแทรกซ้อนหรือความพิการซ้ำซ้อน การรักษาพยาบาล และการฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการ โดยมีเป้าหมายสูงสุด คือ การทำให้คนพิการมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในทุกมิติทั้งทางด้านการแพทย์ การศึกษา อาชีพและสังคม โดยนำนโยบายด้านการฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการอย่างต่อเนื่องของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติมาดำเนินงานตั้งแต่ปี พ.ศ 2546 ถึงปัจจุบัน(3,4) แต่การจัดบริการที่ผ่านมามีหลายหน่วยงานร่วมกันรับผิดชอบ ทำให้เกิดการจัดการบริการแบบแยกส่วน ไม่มีฐานข้อมูลที่เป็นปัจจุบัน การประสานงานในระดับนโยบายยังขาดความสอดคล้อง ทำให้ไม่สามารถวางแผนการจัดบริการฟื้นฟูสมรรถภาพและสิทธิประโยชน์สำหรับคนพิการได้ทั้งระบบ
ในส่วนของชุมชนพบว่า องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีความต้องการข้อมูลในด้านความรับผิดชอบต่อการบริการของคนพิการ ให้ครอบคลุมในแต่ละด้านตามพระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการ(5) สำหรับคนในชุมชนการขาดการยอมรับในความสามารถของคนพิการ
ทำให้ขาดการมีส่วนร่วมในการดูแลคนพิการ(4) ดังนั้นการจัดระบบบริการดังกล่าวจึงต้องการการปรับและพัฒนาเพื่อให้คนพิการทางการเคลื่อนไหวสามารถมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างครบถ้วนและเป็นจริง